![](http://www.furd.in.th/uploads/content/2023/05/694/thumb.png)
เมืองร้อยเอ็ด เมืองแห่งน่าอยู่และยั่งยืน
ทีมวิจัยศูนย์ศึกษามหานคร ได้ลงพื้นที่เมืองร้อยเอ็ดครั้งแรก ไปที่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เนื่องจากร้อยเอ็ดเป็นหนึ่งในเมืองที่ทางเราได้เลือกถอดบทเรียน จากโครงการการถอดบทเรียนเมืองสุขภาวะ เพื่อเป็นแนวทางให้กับเมืองอื่นๆ ของไทย เราเดินทางไป วันที่ 22-23 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เป็นเวลา 2 วัน ทีมวิจัยได้พบกับผู้คนมากมาย และได้พูดคุยแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะกับ เจ้าหน้าที่ของเทศบาล หลากหลายฝ่ายที่มาให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ รวมไปถึงได้คุยกับคนในชุมชนเมืองร้อยเอ็ด ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของการได้รับบริการที่ดี การเรียนรู้ตลอด 2 วันของเรา ทำให้เห็นว่าร้อยเอ็ดมีประเด็นการพัฒนาที่น่าสนใจดังนี้
ร้อยเอ็ด เมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน
เราได้พูดคุยกับ ดร.วัฒนพงษ์ ชิตทรงสวัสดิ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด ภายใต้โครงการการถอดบทเรียนเมืองสุขภาวะของไทย
ร้อยเอ็ดเป็นเมืองที่ได้รับรางวัลเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี 2564 อะไรทำให้เมืองแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าสิ่งแวดล้อมยั่งยืน การพูดคุยกับ ดร.วัฒนพงษ์ ทำให้เราเห็นถึงวิสัยทัศน์ของเทศบาลในการพัฒนาเมืองน่าอยู่ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และทำอย่างยิ่งจริงจัง
รูปธรรมที่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดได้ดำเนินการพัฒนาเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน มีหลากหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาพื้นที่สีเขียว ดูแลบึงพลาญชัยใจกลางเมือง การปลูกต้นไม้ให้เมือง ปรับภูมิทัศน์เมืองด้วยการย้ายชุมชนแออัดที่บุกรุกที่ดินรอบคูเมืองให้ย้ายออกโดยไร้ข้อขัดแย้ง การทำความสะอาดเมือง และการกำจัดขยะที่แทบจะไม่มีขยะตกทิ้งในเมือง
สิ่งที่เราสัมผัสได้ทันทีของการเยือนร้อยเอ็ด คือ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง ทุกถนนมีความสะอาด ไร้ถังขยะ แทบจะไม่มีเศษขยะในเมือง หลายเมืองของไทยให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดของเมือง แต่ต้องยอมรับว่าโดยส่วนมากเราจะยังไม่รู้สึกว่าเมืองของไทยสะอาดมากนัก ความสะอาดและความเป็นระเบียบ ทำให้คนในเมือง คนนอกเมืองรู้สึกได้ถึงความน่าอยู่ของเมือง
อะไรทำให้ร้อยเอ็ดทำเมืองได้สะอาด ภูมิทัศน์ดี มีพื้นที่สีเขียว เป็นเพราะการบริหารจัดการที่ดี การมีพนักงานดูแลทำความสะอาดกว่า 50 คน บริหารให้ทำความสะอาดตามจุดต่างๆ ของเมืองอย่างครอบคลุม การตอบสนองทันทีของการร้องเรียนของประชาชนหากมีที่ใดมีปัญหาผ่านเทคโนโลยีที่นำมาใช้ และการมีส่วนร่วมที่คนในเมืองร้อยเอ็ด ช่วยกันดูแลความสะอาดของเมือง
![](http://www.furd.in.th/uploads/files/original/event/2566/2566/field%20trip/roiet/349183213_154178607632815_1306605506941880384_n.jpg)
ร้อยเอ็ด เมือง Zero Waste
ปัญหาขยะล้นเมือง จัดการไม่ได้ กำจัดไม่ทัน หลายเมืองต้องกองไว้แบบนั้น รอวันย่อยสลายไปทั้งที่แทบจะไม่ย่อยเลย ปัญหาที่่มาพร้อมกับความเป็นเมืองแบบนี้ ไม่สร้างปัญหาเท่าไหร่นักกับเมืองร้อยเอ็ด
เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ตั้งเป้าให้เมืองร้อยเอ็ดเป็นเมือง zero waste เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญของการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเมือง ทีมของเรามีโอกาสลงพื้นที่ไปพูดคุยกับตัวแทนชุมชนจันทร์เกษม ในเมืองร้อยเอ็ด และกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เกี่ยวกับการกำจัดขยะ เริ่มตั้งแต่ขยะต้นทาง เทศบาลจะแจกถังดำเพื่อให้ชุมชนใส่ขยะเปียก ติดตั้งถังขนาดใหญ่เพื่อให้ชุมชนนำขยะเปียกมาทิ้งรวมกัน จากนั้นก็นำไปทำปุ๋ยเพื่อใส่ให้ต้นไม้ในเมือง ชุมชนเองก็ตั้งผ้าป่าขยะรับซื้อขยะรีไซเคิลของคนในชุมชน ขยะบางส่วนจึงถูกแยกจากชุมชนแล้ว
ในส่วนขยะที่เหลือนั้น เราได้พูดคุยกับ คุณพรชัย ตรีบุญเมือง ผู้อำนวยการกองช่องสุขาภิบาล เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เทศบาลฯ มีการของบส่วนกลางมาสร้างโรงงานจัดการขยะ ให้ขยะจากเมืองร้อยเอ็ดและอปท. ใกล้เคียง 9 แห่งสามารถนำมาทิ้งได้ โดยโรงจัดการขยะนี้สามารถเปลี่ยนขยะที่เราทิ้งๆ กันเป็น แปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า เป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) ทำข้อตกลงขายให้กับบริษัทเอกชนที่รับซื้อ ทำให้เมืองร้อยเอ็ดแทบจะไม่มีขยะตกค้างในเมือง ขยะทุกประเภทมีทางออกและกำจัดได้
ทั้งนี้สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากคนปฏิบัติงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะ คือ การคัดแยกขยะจากต้นทางสำคัญที่สุด ร้อยเอ็ดเองต้องขยายทำความร่วมมือต่อไป การคัดแยกยังทำได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนขยะ และการมีโรงกำจัดขยะ จะไม่มีประโยชน์ใดหากไม่สามารถมีบริษัทมารับซื้อขยะ rdf ออกไป โรงกำจัดขยะก็จะเป็นเพียงแค่สถานที่ทิ้งขยะเหมือนทุกแห่ง สิ่งสำคัญ คือการที่เราสามารถหาทางออก การสลาย การเปลี่ยนรูป ให้กับขยะทุกประเภท และนำออกไปให้ได้
![](http://www.furd.in.th/uploads/files/original/event/2566/2566/field%20trip/roiet/349004685_182802151043707_6773568495867121330_n.jpg)
![](http://www.furd.in.th/uploads/files/original/event/2566/2566/field%20trip/roiet/349067475_185954754405785_110144084877062262_n.jpg)
ร้อยเอ็ดกับการแก้ไขปัญหาคนจนเมือง
ร้อยเอ็ดเป็นเมืองมีผู้คนมีหลากหลายมาอาศัยอยู่ หนึ่งในนั้น คือ กลุ่มแรงงาน ซึ่งพวกเขาต้องการที่พักอาศัยที่ราคาถูก ใกล้แหล่งงาน แต่ที่พักใจกลางเมืองนั้นหายาก ทำให้มีการบุกรุกที่ดินตั้งถิ่นฐาน ตั้งชุมชนริมคลองกลางเมือง อาศัยอยู่มากว่า 30 ปี กลายเป็นชุมชนแออัดกลางเมือง
เราได้พูดคุยกับชุมชนบ้านมั่นคงพัฒนา และกองสวัสดิการสังคมของเทศบาลร้อยเอ็ด พบว่า เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดต้องการปรับภูมิทัศน์เมือง แก้ไขและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนเหล่านี้ แต่การให้ชาวบ้านย้ายออกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เทศบาลฯ จึงร่วมมือกับ พอช. และการเคหะแห่งชาติ เข้าพูดคุยกับชุมชนให้มีการย้ายออก โดยเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ได้เช่าที่บริเวณหนึ่งที่ห่างออกจากตัวเมืองร้อยเอ็ดประมาณ 5 กิโล และให้ พอช.และการเคหะเข้ามาสร้างบ้าน สร้างสาธารณูปโภค ทำกระบวนการให้ชุมชนแออัดในเมืองเดิม ได้ผ่อนบ้านและมีที่อยู่อาศัยรองรับ โดยแหล่งที่อยู่ใหม่ สำหรับครัวเรือนใดที่ยากจนมาก ไม่สามารถผ่อนบ้านได้ เทศบาลฯ ได้สร้างบ้านให้กลุ่มคนเหล่านั้นอยู่ฟรี จูงใจให้ย้ายมา ผู้คนจึงทยอยย้ายมา โดยผ่านความขัดแย้งน้อยมาก
ปัจจุบันจะมีการสวัสดิการดูแล มีสนามเด็กเล่น มีการสร้างศูนย์บริการสาธารณสุขชุมชนเขต 3 ให้กับชุมชนใหม่ ที่เทศบาลเพิ่มการดูแลสุขภาพประชาชนให้ใกล้บ้านมากที่สุด การเจ็บป่วยเบื้องต้นรักษาฟรี มีหมอ พยาบาลมาดูแล เกิดปากต่อปาก และเริ่มมีการย้ายมามากขึ้น พวกเขาก็จะได้อยู่แบบถูกกฎหมาย มีชุมชนชัดเจน มีการพัฒนาและดูแลไม่แตกต่างชุมชนอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีชุมชนแออัดหลงเหลือในเมือง หากมีผู้ที่ไม่ยอมย้าย ก็จะต้องใช้กระบวนการทางกฎหมายต่อไป และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ของความพยายามแก้ไขและพัฒนาคนจนในเขตเมือง ที่ไม่ละทิ้งใครไว้เบื้องหลัง
การพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานวัฒนธรรม: หอโหวด 101
ทีมวิจัยได้เข้าพูดคุยแลกเปลี่ยนกับ ดร.นุชากร มาศฉมาดล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และสำนักการศึกษา ในเรื่อง การพัฒนาเศรษฐกิจเมืองบนฐานวัฒนธรรมของเมืองร้อยเอ็ด ว่ามีหลักคิดและวิธีการอย่างไร
เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และคนร้อยเอ็ด มีความภูมิใจในผลงานรูปธรรม ด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเมือง คือ การสร้างหอชมเมืองรูปทรงโหวด หรือที่รู้จักในนาม "หอโหวด 101" หอชมเมืองแห่งนี้สำคัญอย่างไรกับเมืองร้อยเอ็ด
เป็นที่รับรู้กันว่าที่ผ่านมา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองทางผ่าน ไม่ใช่เมืองที่มีจุดเด่นดึงดูดมากพอให้คนแวะมาท่องเที่ยวได้ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดจึงต้องการสร้าง Landmark ของเมือง เพื่อดึงดูดผู้คนให้มาจับจ่ายในเมืองร้อยเอ็ด จึงได้ทำการออกแบบ "หอโหวด101" ที่มีความโดดเด่นในการนำโหวด ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของคนร้อยเอ็ดมาเป็นแบบอาคาร เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดและคนร้อยเอ็ด ใช้ความพยายามอย่างมากในการเสนอของบจากส่วนกลางเพื่อมาสร้างหอแห่งนี้ จนในที่สุดก็ทำสำเร็จ หอโหวดแห่งนี้เสร็จราว พ.ศ. 2563
ผ่านมาไม่นาน กลับกลายเป็นว่าหอโหวดแห่งนี้สร้าง impact ให้กับเมืองมหาศาลกว่าที่คาดไว้ หอโหวดแห่งนี้เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์เรื่องโหวดของเมืองร้อยเอ็ด วิวชมเมืองที่สวยงาม มีการอันเชิญพระธาตุไว้บนสุดของอาคาร ให้คนมากราบไหว้ พักผ่อน หลายโซนสามารถจัดงาน ซื้อของฝากที่เป็นของท้องถิ่น และยังมีหลักคิดสำคัญในฐานะเมืองสุขภาวะว่า การจัดงานต่างๆ ในหอโหวด ต้องปลอดเหล้าและบุหรี่ 100%
มีคนร้อยเอ็ด นักท่องเที่ยว และกลุ่มนักเรียนนักศึกษา หน่วยงานต่างๆ เข้ามาชมหอแห่งนี้เกือบ 2 ล้านคนแล้ว จนวันนี้รายได้ของหอโหวดสามารถมีกำไร เลี้ยงดูตนเองได้ และยังนำรายได้ที่เหลือ มาพัฒนาดูแลบึงพลาญชัย สวนรอบข้างให้สวยงามอย่างต่อเนื่องด้วย เรียกได้ว่า ร้อยเอ็ดทำให้คนหยุดพักในเมืองได้แล้ว โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ก็ได้รับผลจากหอโหวดแห่งนี้
อาจเรียกว่า หอโหวด101 เป็นโครงการที่ทำแล้วตอบโจทย์ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรมเมือง ด้านการศึกษา และสร้างเอกลักษณ์ให้กับเมืองร้อยเอ็ดบนอัตลักษณ์ของเมืองที่ชัดเจน เกิดภาพจำเป็นแบรนด์ของเมืองไปแล้ว สะท้อนให้เห็นว่า "ความกล้า" "การคิดนอกกรอบ" "ความพยายาม" "ความรักเมือง" เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเมืองแห่งนี้
![](http://www.furd.in.th/uploads/files/original/event/2566/2566/field%20trip/roiet/349316590_1460713971342312_2610778947797319245_n.jpg)
• AUTHOR |
|
|
นักวิจัย ประจำศูนย์ศึกษามหานครและเมือง ติดต่องาน : nuttida.e@gmail.com |