Cities Reviews

Placemaking นวัตกรรมเพื่อสุขภาพคนเมือง

 

อรุณ  สถิตพงศ์สถาพร

 

แม้การขยายตัวของเมืองจะทำให้คนเมืองเข้าถึงโรงพยาบาลดีๆ ที่มีเทคโนโลยี มีเครื่องมือที่ทันสมัย และมีแพทย์เป็นจำนวนมาก แต่สภาพแวดล้อมของเมืองหลายแห่งในปัจจุบันกลับไม่เอื้อให้คนเมืองมีสุขภาพที่ดีได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินที่เต็มไปด้วยสารกันบูด ขาดความสดใหม่ สวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวที่มีน้อยมาก ถนนหนทางที่เห็นรถยนต์สำคัญกว่าคน อีกทั้งสังคมคนเมืองที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว แย่งกันกินแย่งกันใช้ ขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาวะทางกาย ทางใจ และทางปัญญา ด้วยเหตุนี้ ศูนย์ศึกษามหานครและเมืองจึงให้ความสำคัญกับการค้นหาแนวทางและประสบการณ์การใช้ Placemaking เพื่อนำมาใช้พัฒนาเมืองไปสู่สุขภาวะ

 

 

ทำไมเมืองต้องมี Placemaking

 

จากรายงานของ County Health Rankings ระบุว่า สุขภาพคนเราจะดีหรือแย่นั้นขึ้นอยู่กับการบริการสุขภาพที่เราใช้เพียง 20% เท่านั้น ส่วนอีก 80% ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต (30%) สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม (40%) และสภาพแวดล้อมทางกายภาพ (10%) นั่นหมายความว่า ปัจจัยจำพวกระดับการศึกษา งาน รายได้ การสนับสนุนทางสังคม ความปลอดภัยในชุมชน ที่อยู่อาศัย ระบบขนส่ง ตลอดจนการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย มีผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของเรามากถึง 80%

ดังที่ เมโลดี้ กู๊ดแมน (Melody Goodman) อาจารย์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เคยกล่าวไว้ว่า “รหัสไปรษณีย์ของบ้านที่คุณอยู่ สามารถคาดการณ์สุขภาพของคุณได้ดีกว่ารหัสพันธุกรรมของคุณเองเสียอีก” ยกตัวอย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ในเขตชุมชนที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งมักจะไม่มีพื้นที่ให้คนเดินหรือออกกำลังกาย ไม่มีการดูแลรักษาทางเท้า สวนสาธารณะ ต้นไม้ และแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ รวมทั้งไม่มีซูเปอร์มาร์เก็ตและแหล่งขายผักผลไม้สดๆ สุขภาพของคุณก็อาจไม่ดีเท่าไรนัก ฉะนั้น หนทางหนึ่งที่จะทำให้เรารับมือกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้และนำเมืองไปสู่สุขภาวะได้คือ Placemaking นั่นเอง

Placemaking ไม่มีคำจำกัดความที่ชัดเจน กล่าวโดยกว้างๆ หมายถึง แนวคิดที่เกี่ยวกับการหยิบพื้นที่ว่างของชุมชนมาออกแบบใหม่ เพื่อกระตุ้นพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ สร้างทุนทางสังคม ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโต พัฒนาพื้นที่ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ลดอัตราการเกิดอาชญากรรม เสริมพลังการรวมตัวของพลเมือง และลดการเกิดความไม่เท่าเทียมกันในด้านสุขภาพ (Health Disparities)

 

 

แนวทางการพัฒนาเมืองสู่สุขภาวะด้วย Placemaking

 

ด้วยคำกล่าวของเมโลดี้ที่นับวันดูเหมือนจะเป็นความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ กอปรกับการค้นพบแนวคิด Placemaking อันเป็นหนทางที่ช่วยพัฒนาเมืองไปสู่สุขภาวะได้ ทำให้แนวทางการทำ Placemaking กลายเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องให้ความสนใจและศึกษาเรียนรู้จากตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง เพื่อนำมาสร้างสรรค์โครงการดีๆ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเมืองตามแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 5 แนวทาง ดังนี้

         1. เน้นการปฏิสัมพันธ์และการสนับสนุนทางสังคม หากเมืองมีการสนับสนุนทางสังคมที่ดี จะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเมืองและสร้างเสริมสุขภาวะทางจิตใจ

         2. เน้นการละเล่นและนันทนาการแบบกระฉับกระเฉง กิจกรรมทางกายภาพจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง ทำให้คนเมืองมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ และมีอายุยืนยาวขึ้น

         3. เน้นพื้นที่สีเขียวและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก เพราะช่วยให้คนอยากออกกำลังกายกันมากขึ้น ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจและเมแทบอลิก (Cardiometabolic Disease) สร้างทุนทางสังคม ลดการเกิดอาชญากรรม บรรเทาอาการซึมเศร้า ความเครียดและความวิตกกังวล ตลอดจนช่วยเพิ่มสมาธิและความจำด้วย

         4. เน้นอาหารสุขภาพ การที่คนเมืองสามารถเข้าถึงและจับจ่ายใช้สอยซื้อของสดของดีมีประโยชน์ต่อร่างกายได้ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ชุมชนมีสุขภาวะที่ดีและลดอัตราการเกิดโรคเรื้อรัง อีกทั้งยังช่วยสร้างโอกาสให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สร้างสังคมผู้ประกอบการในท้องถิ่น สร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สร้างความผูกพันในชุมชน และสร้างการเรียนรู้ด้านโภชนาการ (Nutrition-Based Education)

        5. เน้นการเดินและการปั่นจักรยาน การมุ่งทำให้คนเมืองเดินทางเท้าได้ง่ายและสะดวก ส่งผลให้ท้องถนนมีความปลอดภัยมากขึ้น โรคเรื้อรังเกิดขึ้นน้อยลง มลพิษทางอากาศน้อยลง ธุรกิจริมทางเท้าเติบโตขึ้น ความสามารถในการรู้คิด (Cognitive Function) พัฒนาขึ้น รวมทั้งคนเมืองก็ได้ขยับตัวเคลื่อนไหวกันมากขึ้นด้วย

 

นวัตกรรม Placemaking ดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือที่ทำได้ง่าย มีตุ้นทุนต่ำ เห็นผลได้ทันที หากแต่จะประสบความสำเร็จและมีความยั่งยืนได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของคนในเมืองที่ไม่ได้เกิดจากการถูกบังคับ แต่ต้องเกิดจากใจที่รู้สึกเป็นเจ้าของเมือง อยากจะเข้าร่วม อยากจะลงมือทำ อยากจะพัฒนาเมืองในแนวทางของตัวเอง Placemaking จึงจะเกิดขึ้น และกลายเป็นความภาคภูมิใจที่สะท้อนตัวตนของเมืองขึ้นมาได้ นอกจากนี้ เมื่อ Placemaking สามารถดึงผู้คนให้มารวมตัวกัน จนเกิดเป็นพื้นที่สาธารณะหรือกิจกรรมที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวขึ้นมาได้แล้ว สุขภาวะของเมืองก็จะเป็นผลที่ตามมา

 

 

อ้างอิง


Amanda Li (2017). "Placemaking Our Way to Healthier Communities and Better Lives. " DASH-NY. http://promotingprevention.org/placemaking-our-way-to-healthier-communities-and-better-lives
Project for Public Spaces, 2016. “The Case for Healthy Places : Improving Health through Placemaking." https://www.pps.org/wp-content/uploads/2016/12/Healthy-Places-PPS.pdf
University of Wisconsin Population Health Institute, 2003. "County Health Rankings & Roadmaps."University of Wisconsin Population Health Institute. Accessed January 2016. Retrieved from http://www.countyhealthrankings.org/our-approach
 
 
 
 

• AUTHOR

 


อรุณ  สถิตพงศ์สถาพร

เศรษฐศาสตร์บัณฑิต และเศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Related Posts