Cities Reviews

การสำรวจคุณภาพชีวิตในเมืองยุโรป 79 เมือง (Perception Survey) by European Commission

 

ณัฐธิดา  เย็นบำรุง

 

คุณภาพชีวิตของประชาชนเมืองในยุโรป [1]

 

การสำรวจคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมืองยุโรป  จัดทำโดย สถาบันวิจัย TNS Political & Social ร่วมกับ the European Commission, Directorate-General for Communication ทำการสำรวจความพึงพอใจและความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับเมืองที่อาศัยอยู่ เพื่อแสดงผลของคุณภาพชีวิตด้านต่างๆ ในเมือง ซึ่งในแต่ละปีจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของการสำรวจที่แตกต่างกัน ทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง แบบสำรวจนี้ได้ถูกทำอย่างต่อเนื่อง คือ ปี 2004, 2006 และ 2009  และปัจจุบันคือ ปี 2012

โดยผลการศึกษานี้ได้สะท้อนเรื่องดีๆ ในเมือง ได้ว่า คนในเมืองของยุโรปมีความพึงพอใจมากกว่า 80% (เป็นคะแนนที่สูง) ต่อชีวิตในเมือง พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สีเขียวในเมือง ความสะอาด และรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในเมือง  ท้ายที่สุดแล้ว ผลการศึกษาในด้านต่างๆ จะช่วยสะท้อนความคิดเห็นของคนในเมืองต่อสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ และช่วยให้เป็นข้อมูลสำหรับ นักวางแผน ผู้บริหารเมือง และประชาชนทั่วไป ให้ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และสามารถสร้างเป็นนโยบายดีๆ ในการบริหารเมืองต่อไป

การสำรวจครั้งนี้ สำรวจทั้งหมด 79  เมืองทั่วยุโรป รวมเมืองหลวง (ยกเว้นเมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์)  และสำรวจกลุ่มเมืองปริมณฑลอีก 4 พื้นที่ คือ กลุ่มเมืองปริมณฑลปารีส ปริมณฑลแมนเชสเตอร์ ปริมณฑลลิสบอน ปริมณฑลเอเธนส์ ทั้งหมดเป็น 83 เมือง รวมไปถึงสำรวจเมืองของประเทศโครเอเชีย ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ตุรกี และสวิตเซอร์แลนด์  ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 ถึง วันที่ 7 ธันวาคม 2556 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 41,137 คน แต่ละเมืองจะใช้จำนวนประชาชนเฉลี่ยประมาณ 500 คน จากประชากรกลุ่มต่างๆ ในเมือง โดยใช้วิธีการเดินสำรวจและตอบทางโทรศัพท์

ทั้งนี้ได้มีการแบ่งขนาดเมืองตามจำนวนประชากร เป็น S,M,L,XL,XXL,Global เพื่อดูความสัมพันธ์ขนาดของเมืองที่อาจส่งผลต่อความพึงพอใจ  โดยตัวชี้วัดขนาดของเมืองตามจำนวนประชากรดังนี้

  • S มีประชากร 50,000 – 100,000 คน
  • M มีประชากร 100,000 – 250,000 คน
  • L มีประชากร 250,000 – 500,000 คน
  • XL มีประชากร 500,000 – 1,000,000 คน
  • XXLมีประชากร 1,000,000 – 5,000,000 คน
  • Global มีประชากร มากกว่า 5,000,000 คน

 

แบบสำรวจความพึงพอใจต่อคุณภาพชีวิตในเมือง ได้แบ่งออกเป็น 5 หัวข้อใหญ่

  1. ความพึงพอใจในด้านต่างๆ ต่อเมืองที่ตัวเองอาศัยอยู่ โดยสำรวจภาพรวมความพึงพอใจ และต่อโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในเมือง เช่น บริการขนส่งสาธารณะ ศูนย์อนามัย พื้นที่ออกกำลังกาย พื้นที่การแสดงทางวัฒนธรรม พื้นที่ทางสาธารณะ เป็นต้น โดยแบ่งความพึงพอใจออกเป็น 5 ระดับ คือ พึงพอใจมาก ค่อนข้างพึงพอใจ ค่อนข้างไม่พึงพอใจ ไม่พอใจเลย และไม่มีความคิดเห็น/ไม่ทราบ
  2. ความคิดเห็นของประชาชนต่อเมือง ครอบคลุมเรื่อง โอกาสในการหางาน ที่อยู่อาศัยราคาที่ยุติธรรม ความคิดเห็นต่อชาวต่างชาติที่เข้ามาในเมือง ความปลอดภัยและความไว้ใจ และการบริหารจัดการเมือง โดยแบ่งระดับความคิดเห็นออกเป็น 5 ลำดับ คือ เห็นด้วยอย่างมาก ค่อนข้างเห็นด้วย ค่อนข้างไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยเลย และไม่มีความคิดเห็น/ไม่ทราบ
  3. ความพึงพอใจในด้านสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องคุณภาพอากาศ ระดับของเสียง ความสะอาด พื้นที่สีเขียว การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) โดยแบ่งความพึงพอใจออกเป็น 5 ระดับ คือ พึงพอใจมาก ค่อนข้างพึงพอใจ ค่อนข้างไม่พึงพอใจ ไม่พอใจเลย และไม่มีความคิดเห็น/ไม่ทราบ
  4. ความพึงพอใจในเรื่องคุณภาพชีวิต (ส่วนบุคคล) เช่น เรื่องชีวิตโดยทั่วไป สถานที่อาศัยอยู่ สถานการณ์การเงินในครัวเรือน และชีวิตการทำงาน โดยแบ่งความพึงพอใจออกเป็น 5 ระดับ คือ พึงพอใจมาก ค่อนข้างพึงพอใจ ค่อนข้างไม่พึงพอใจ ไม่พอใจเลย และไม่มีความคิดเห็น/ไม่ทราบ
  5. การจัดอันดับเรื่องที่สำคัญที่สุดในเมือง (ให้ประชาชนจัดอันดับเรื่องที่สำคัญที่สุด 3 ลำดับ ในเมือง โดยมีตัวเลือกดังนี้ ความปลอดภัย, มลพิษทางอากาศ, เสียง, ขนส่งสาธารณะ ,การบริการด้านสุขภาพ, การบริการทางสังคม, การศึกษา, การไม่มีงานทำ, ที่อยู่อาศัย, โครงสร้างของถนน)

 

สรุปผลการศึกษา

  1. ความพึงพอใจในด้านต่างๆ ต่อเมืองที่ตัวเองอาศัยอยู่
     
    • ความพึงพอใจในภาพรวมต่อเมืองที่อาศัยอยู่ พบว่า โดยส่วนใหญ่ประชาชนในเมืองยุโรป พึงพอใจในเมืองที่ตัวเองอาศัยอยู่ระดับสูง
  • ความพึงพอใจในภาพรวมของเมืองทั้งหมด พบว่า คนในเมืองพึงพอใจในเมืองตัวเองมีมากกว่า 80% ยกเว้น 8 เมือง (เอเธนส์ ปริมณฑลเอเธนส์ นาโปลี ปาเลโม มิสโคลก์  มาร์กแซย์ อิสตันบูล และออสตราวา) โดยเมืองที่มีระดับคะแนนความพึงพอใจสูงที่สุด คือ ออลบอร์ (99%) , แฮมเบริก์ (99%) ,ซูริค ออสโล โคเปนเฮเกน และโกรนินเกน (97%)  ในทางตรงกันข้าม เมืองที่มีผลความพึงพอใจต่ำกว่า 75% คือ เอเธนท์ (52%), นาโปลี (65%),  ปาเลโม (65%), มิสโคลก์  (73%) 
  • โดยความพึงพอใจนี้ครอบคลุมประเด็น ความสะอาด พื้นทีสีเขียว และพื้นที่สาธารณะ เช่น ตลาด ลานกว้าง และทางเดินเท้า รวมทั้งความรู้สึกปลอดภัยทั้งในเมืองและบริเวณที่ตนเองอาศัยอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนถือว่าพึงพอใจเมืองของตนเองในระดับที่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผลปี 2006และ2009พบว่า ความพึงพอใจในเมืองไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก มีผลการศึกษาค่อนข้างคงที่ โดยเปลี่ยนไม่เกิน3%
    • ความพึงพอใจต่อโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในเมือง
      • ความพึงพอใจเรื่อง ขนส่งสาธารณะ พบว่าระดับความพึงพอใจค่อนข้างแตกต่างกันมากในแต่ละเมือง โดยเมืองที่มีระดับคะแนนความพึงพอใจสูงสุด คือ ซูริค (95%) และรอสต๊อก (90%) ในขณะเดียวกัน มีเมืองกว่า 11 เมืองที่มีความพึงพอใจเรื่องขนส่งสาธารณะน้อยกว่า 50% เช่น วิลนิอุส และบูคาเรสต์ (48%)  โอวลุ และบูดาเปสต์ (45%)  เรคยาวิก (42%)  มิสโคลก์ (40%)  วัลเลตตา (37%)  โรม่า (32%)  นาโปลี (23%)  และปาเลโม่ (14%)  เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2009 พบว่า เมืองที่มีความพึงพอใจลดลงมากที่สุด คือ แอนต์เวิร์ป (60%,-21) และโอวลุ (45%, -20) และเมืองที่มีความพึงพอใจเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ นิโคเซีย (50% ,+33) และโซเฟีย (62% ,+19)
      • ความพึงพอใจเรื่อง บริการด้านสาธารณสุข พบว่า ระดับความพึงพอใจในแต่ละเมืองค่อนข้างกระจาย คือ มี 12 เมืองที่มีระดับคะแนนที่พึงพอใจสูง คือ โกรนินเกน ซูริค สทราซบูร์ มิวนิก แอนต์เวิร์ป ลีล  กราซ ลีแยฌ, นิวคาสเซิล รอตเทอร์ดาม เวียนนา เอสเซิล  และมีเมือง 50 เมือง ที่มีระดับความพึงพอใจอย่างน้อย 70% แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ใน 19 เมือง ไม่พึงพอใจในบริการสาธารณะสุข เช่น เอเธนส์ บูคาเรสต์ วอร์ซอ ริก้า โรม่า โซเฟีย ปูดาเปส เป็นต้น นอกจากนี้เมืองทางยุโรปกลางและยุโรปเหนือส่วนใหญ่ค่อนข้างพึงพอใจ ขณะที่เมืองยุโรปภาคตะวันออกและยุโรปภาคตะวันตก ค่อนข้างไม่พึงพอใจ และเมื่อเปรียบกับปี 2009 เมืองส่วนใหญ่มีระดับความพึงพอใจที่ต่ำลง
      • ความพึงพอใจ เรื่อง สิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านกีฬา พบว่า เมืองส่วนใหญ่มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับสูง มี 33 เมือง ที่มีระดับความพึงพอใจที่มากกว่าหรือเท่ากับ 70% โดยเมืองที่มีความพึงพอใจสูงสุด คือ โอวลุ (87%) ,โกรนินเกน (86%) และเฮลซิงกิ (84%) ในขณะเดียวมีเพียง 5 เมืองเท่านั้นที่มีระดับคะแนนความความพึงพอใจต่ำ คือ นาโปลี (60%)  เอเธนส์ และปาเลอโม่ (59%) ,บราติสลาวา (57%) และโคเซตซ์ (50%) เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2009 พบว่า กว่า 59 เมืองที่มีระดับความพึงพอใจที่สูงขึ้น โดยเมืองขนาดใหญ่มีความพึงพอใจระดับต่ำ เพราะเมืองที่มีประชากรเกิน 1 ล้านคนติด 40 อันดับเมืองที่ความพึงพอใจสูงที่สุด มีเพียงแค่ 4 เมืองเท่านั้น จากทั้งหมด  27 เมือง   
      • ความพึงพอใจ เรื่อง พื้นที่สำหรับการจัดการแสดงออกทางวัฒนธรรม พบว่า ทุกเมืองมีความพึงพอใจ ยกเว้นเพียง 1 เมือง คือ วอลเลตตา ที่มีระดับความพึงพอใจน้อยกว่า 50% คือมีระดับความพึงพอใจเพียง 37% โดยเมืองในแสกนดิแนเวียน และยุโรปกลางมีความพึงพอใจสูงกว่าเมืองในยุโรปตะวันออกและยุโรปตะวันตก เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2009 พบว่า เมืองที่มีความพึงพอใจลดลงมากที่สุด คือ รอสต๊อก (55%,-24) และนิวคาสเซิล (45%, -20) และเมืองที่มีความพึงพอใจเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ นาโปลี (57% ,+16) และเบอร์กาส (62% ,+19)
      • ความพึงพอใจ เรื่อง สถานศึกษาในเมือง พบว่า ระดับความพึงพอใจของประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงของประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ค่อนข้างต่ำ คือมีเพียง 10 เมืองหลวงในสหภาพยุโรปเท่านั้นที่ติดอันดับใน 40 เมืองที่ระดับความพึงพอใจสูงสุด คือ ลูบลิยานา นิโคเซีย เฮลซิงกิ ดับลิน ลักแซมเบิรก์ อัสเตอร์ดัม ปราก เวียนนา สต๊อกโฮม และปารีส (ในจำนวนนี้มีเพียงปารีสเมืองเดียวที่มีประชากรเกิน 1 ล้านคน)  ในขณะเดียวกันเมืองที่มีระดับความพึงพอใจของประชาชนอยู่ในระดับสูงสุด (มากกว่า 80%) มี 14 เมือง คือ โกรนินเกน บราก้า ลีล กราซ แรน ลูบลิยานา  สทราซบูร์  บ๊อกโด โอวลุ เบลฟัสต์  แอนต์เวิร์ป ออลบอร์ เรคยาวิก และนิวคาสเซิล ซึ่งเมืองที่ระดับความพึงพอใจสูงที่สุดคือ โกรนินเกน และบราก้า (89%)  ลีล และกราซ(89%) และเมืองที่มีคะแนนความไม่พึงพอใจต่ำที่สุดคือ ปาเลโม่ (50%) นาโปลี (48%)เอเธนส์และ ดียาร์บากีร์ (45%)
      • ความพึงพอใจเรื่อง ถนนและอาคาร พบว่า เมืองส่วนใหญ่มีความพึงพอใจสูง แต่ระดับความพึงพอใจในเมืองหลวงส่วนใหญ่ของสหภาพยุโรป อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ คือ ใน 20 เมืองที่มีความพึงพอใจต่ำที่สุด มีเมืองหลวงของประเทศในสหภาพยุโรป (EU) กว่า 11 เมือง คือ เอเธนส์ โรม่า โซเฟีย บูเครติส ลิสบอน วิสนีอุส ริก้า ทาลลินน์ วาเลสต้า บราลิสตราวา มาดริก โดยเมืองที่อันดับความพึงพอใจสูงสุดคือ ซูริค (92%) โอวลุ และมอลโม (90%) ขณะที่เมืองที่มีความพึงพอใจต่ำที่สุด คือ นโปลี (22%) เอเธนส์ และโรม่า (27%) ซึ่งระดับความพึงพอใจในด้านนี้ กลุ่มเมืองในสแกนดิเนเวียน และเมืองในยุโรปกลาง มีระดับความพึงพอใจในเรื่อง ถนนและอาคารในบริเวณที่อาศัยอยู่ มากกว่าเมืองในยุโรปตะวันออกและยุโรปตะวันตก
      • ความพึงพอใจ เรื่อง พื้นที่สาธารณะ เช่น ตลาด ลานกว้าง และบริเวณทางเดินเท้า พบว่า เมืองส่วนใหญ่มีระดับความพึงพอใจค่อนข้างสูง โดยมี 63 เมือง มีระดับความพึงพอใจมากกว่า 70% โดยเมืองที่มีระดับความพึงพอใจสูงสุด คือ โกรนินเกน (94%) โอเบียโด (92%) มอลโม (91%) แต่ที่น่าแปลกใจคือ เมืองหลวงของประเทศในสหภาพยุโรป มีอันดับความพึงพอใจไม่ดีนัก โดยมีเพียง 4 เมืองหลวง (ลักเซมเบิร์ก, โคเปนเฮเกน, เวียนนา, และอัสเตอร์ดัม) ที่อยู่ใน 20 อันดับความพึงพอใจสูงสุด และกว่า 12 เมืองหลวงของประเทศในสหภาพยุโรปอยู่ในอันดับ 20 อันดับสุดท้ายของความพึงพอใจ
      • ความพึงพอใจ เรื่อง ความสะดวกของการมีร้านค้าปลีก พบว่า ในเมืองส่วนใหญ่ที่สำรวจมีระดับความพึงพอใจต่อการหาร้านค้าปลีกในเมืองค่อนข้างสูง มี ปริมณฑลลิสบอน ลิสบอน มาดริก เอเธนส์ เรยาวิค ลูบลิยานา และโอเวียโด เท่านั้นที่ระดับความพึงพอใจต่ำกว่า 75%

 

  1. ความคิดเห็นของประชาชนต่อเมืองที่อาศัยอยู่ ครอบคลุมเรื่อง โอกาสหางาน,ที่อยู่อาศัยราคาถูก,ชาวต่างชาติในเมือง,ความปลอดภัยและความไว้ใจ

    • ความคิดเห็นของประชากร ต่อเรื่อง การหางานทำในเมือง พบว่า มีเพียง 9 เมืองเท่านั้น ที่พบว่า คนส่วนใหญ่มองว่าการหางานทำในเมืองเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย คือ ออสโล (70%) ปราก (63%) มิวนิค (58%) อันตัลยา (58%)  ซูริค (55%)  สต๊อคโฮม (53%)  เฮลซิงกิ (53%)  อิสตันบูล (52%)  บราติสลาวา (51%)  ในขณะเดียวกันความคิดเห็นของประชาชนที่ไม่เห็นว่าเมืองของพวกเขาสามารถหางานได้ง่าย คือ เมืองทั้งหมดในประเทศไอซ์แลนด์ ฮังการี และสโลวีเนีย รวมทั้งเมืองอื่น ๆ คือ เบลฟัตส์  ออสโตว่า เบียวิสตอค โคเซ็ต และมาร์กเซย์ ปาเลโม่ นาโปลี มาลาก้า ปริมณฑลเอเธนส์ มิสโคลก์ และโอเวียโด้ ซึ่งจากผลการสำรวจดูเหมือนว่าประเทศที่ประชาชนเห็นว่าหางานยากมากที่สุดคือ โครเอเชีย กรีซ ฮังการี อิตาลี สเปน และโปรตุเกต เพราะประชาชน 8 คนจาก 10 คนตอบว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
    • ความคิดเห็นของประชากร ต่อเรื่อง การหาที่อยู่อาศัยราคายุติธรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองมากกว่าครึ่งไม่คิดว่าที่อยู่อาศัยราคายุติธรรมสามารถหาได้ง่าย โดยเฉพาะในเมืองหลวงของแต่ละประเทศ ซึ่งในเมืองหลวงของประเทศในสหภาพยุโรปจำนวน 9 เมือง มีระดับคะแนนไม่เห็นด้วยมากกว่า 80% และมีเพียงเมืองเอเธนส์เพียง 1 เมืองเท่านั้นที่เห็นด้วยว่าในเมืองของเขาสามารถหาที่อยู่อาศัยราคายุธรรมได้ (61%) สำหรับเมืองที่ระดับคะแนนที่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้สูงสุดคือ โอเบียโด เพียรต้า บราก้า เปียทราเนียมส์ นีมท์ และโอวลุ (65%) ขณะที่ระดับคะแนนสูงสุดของเมืองที่ประชาชนไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เจนีวา และปารีส (95%)  และมิวนิค (94%)   เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2009 พบว่า เมืองที่มีความพึงพอใจลดลงมากที่สุด คือ เบอร์ลิน (16%,-35) รอสต๊อก (22%, -26) และทาสลินน์ (18%, -22)
    • ความคิดเห็นของประชากรต่อเรื่อง การมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเมือง พบว่า เมืองส่วนใหญ่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระดับคะแนนการเห็นด้วยกว่า 49 เมืองที่สูงกว่า 70% สำหรับเมืองที่ระดับคะแนนที่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้สูงสุดคือ คลูช-นาโปกา ลักเซมเบิร์ก กรากุฟ และโคเปนเฮเกน (98%)
    • ความคิดเห็นของประชากรต่อเรื่อง ความปลอดภัยในเมือง พบว่า กว่า 48 เมือง มีระดับคะแนนความเห็นด้วยว่าตนเองรู้สึกปลอดภัยสูงกว่า 70% โดยเมืองที่มีระดับคะแนนสูงสุดคือ มิวนิค (96%) ออลบอร์ (95%) ในขณะเดียวกันเมืองที่มีระดับคะแนนความเห็นด้วยของประชาชนที่ต่ำกว่าครึ่งมี 5 เมือง คือ เอเธนส์ (19%) ปริมณฑลเอเธนส์(22%) มาร์กเซย์ (32%) ลีแยฌ (40%) นาโปลี (41%) และโซเฟีย (43%) นอกจากนี้เมืองทั้งหมดยกเว้น เอเธนส์ ประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองเห็นด้วยว่าพวกเขารู้สึกปลอดภัยในบริเวณที่อาศัยอยู่ โดยมีเมืองกว่า 20 เมือง ที่มีระดับคะแนนสูงกว่า 90% แต่ถึงกระนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ในแต่ละเมืองมีระดับคะแนนเห็นด้วยว่าพวกเขารู้สึกปลอดภัยในบริเวณที่ตัวเองอาศัยอยู่ มากกว่าระดับคะแนนความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในเมือง ซึ่งกว่า 34 เมืองมีคะแนนความห่างนี้ค่อนข้างสูง แสดงให้เห็นความสัมพันธ์แบบมีนัยยะสำคัญของความคิดเห็นประชาชนต่อบริเวณที่ตนเองอาศัยอยู่ และต่อเมืองที่พวกเขา
    • ความคิดเห็นของประชากรต่อเรื่อง ความไว้ใจซึ่งกันและกัน พบว่า โดยภาพรวมประชาชนในเมืองทั้งหมดมีระดับคะแนนเห็นด้วยเรื่องความไว้ใจ มากกว่า 75% โดย 29 เมืองรู้สึกประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองของเขาไว้ใจได้ โดยเมืองที่ระดับคะแนนสูงสุดคือ ออลบอกซ์ (92%) โอวลุ (91%) โกรนินเกน (90%)  โอเวียโด (89%) โคเปนเฮเกน  และเฮลซิงกิ (86%) ในขณะเดียวกันเมืองที่ระดับคะแนนความเห็นด้วยเรื่องความไว้ใจที่ต่ำกว่า 50% มีเมืองหลวงของประเทศในสหภาพยุโรปกว่า 10 เมือง คือ เอเธนส์ (20%) บูคาเรสต์ (31%) ปูดาเปส (32%)   บราติสลาวา (35%)   โซเฟีย และปราก(39%)  บรัสเซลล์ และวอร์ซอ (42%)  ริก้า(43%)   และปารีส (45%)  นอกจากนี้ เมืองทั้งหมดยกเว้นเมืองบูคาเรสต์ (42%) เห็นด้วยว่าประชาชนส่วนใหญ่ในบริเวณที่เขาอาศัยอยู่สามารถไว้ใจได้ และกว่า 63 เมืองที่มีระดับคะแนนนี้เรื่องนี้มากกว่า 70%
    • ความคิดเห็นของประชาชนต่อเรื่อง การบริหารจัดการเมือง พบว่า ใน 53 เมือง ประชาชนในเมืองเห็นว่าการบริหารจัดการในเมืองของเขาช่วยให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น และ 7 เมืองมีระดับคะแนนสูงกว่า 70% คือ ลักเซมเบริก (77%) ออลโบล แอนต์เวริ์ป และซูริค (72%) ในขณะที่เมืองที่มีคะแนนต่ำสุดในเรื่องนี้ คือ ปาเลโม่ (17%) นาโปลี (19%) โรม่า (21%) และ บราติสลาวา (28%) นอกจากนี้ใน 67 เมือง ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าการบริหารจัดการเมืองของเขาสามารถไว้วางใจได้ และใน 21 เมืองมีคะแนนสูงกว่า 70% โดยเมืองที่มีคะแนนสูงสุดคือ ลักเซมเบริก และซูริค (87%)  ออลโบล (83%) มิวนิค (81%) ในขณะเดียวกันเมืองที่มีคะแนนต่ำสุดคือ ปาเลโม่ (24%) ปราก (28%) บราติสลาวา และนาโปลี (29%) โดยคะแนนทั้งสองส่วนนี้มีความสัมพันธ์กัน หากเห็นด้วยกับการบริหารจัดเมืองที่ช่วยให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ดีขึ้น จะเห็นด้วยกับเรื่องการบริหารจัดการเมืองของเขาว่าไว้ใจได้เช่นเดียวกัน

 

  1. ความพึงพอใจของประชาชนต่อสิ่งแวดล้อมในเมือง

    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง คุณภาพอากาศ พบว่า ใน 58 เมือง ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจกับคุณภาพอากาศในเมือง และในนี้มีจำนวน 19 เมือง ที่มีคะแนนความพึงพอใจสูงกว่า 80% โดยเมืองที่มีระดับคะแนนพึงพอใจสูงสุดคือ รอสตอก (29%) นิวคาสเซิล (29%) โกรนินเกน (29%) ในขณะที่เมืองที่ไม่พึงพอใจมากกว่า 50% มี 25 เมือง โดยเมืองที่ไม่พึงพอใจสูงสุด คือ ออสตราวา (93%) บูคาเรสต์ (82%) กรากุฟ (81%) เอเธนส์ (76%) มาดริก (73%) โซเฟีย(71%) และกราซ (70%) นอกจากนี้เมืองที่มีระดับคะแนนความไม่พึงพอใจสูง 20 เมือง มี 11 เมืองที่ประชากรในเมืองมากกว่า 1 ล้านคน
    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง เสียงในเมือง พบว่า ใน 66 เมือง ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจในเรื่องของเสียงในเมือง โดย 33 เมืองมีระดับความพึงพอใจสูงกว่า 70% เมืองที่มีคะแนนความพึงพอใจสูงสุดคือ นิวคาสเซิล (88%) ออลบอร์ เบลฟัตท์ คาร์ดิฟ โกรนินเกน แมนเชสเตอร์ และโอวลุ (71%) และโกรนินเกน (85%) โดยเมืองในอังกฤษทั้ง 6 เมืองที่สำรวจ (รวมทั้งเมืองสิ่งแวดล้อม เช่น ลอนดอน) ติดอันดับ 20 เมืองที่มีระดับความพึงพอใจสงสุด ในขณะเดียวกัน มี 17 เมืองที่ประชากรในเมืองมีคะแนนความไม่พึงพอใจมากกว่า 50% โดยเมืองที่มีคะแนนไม่พึงพอใจสูงสุดคือ บูคาเรสต์ (72%) อิสตันบูล (68%) บาเซโลน่า และมาดริด (67%)  และเอเธนส์ (66%) ทั้งนี้ความพึงพอใจในเรื่องเสียงมีความสัมพันธ์กับจำนวนประชากรในเมืองด้วย โดยใน 17 เมืองที่ไม่พึงพอใจนั้นมีประชากรในเมืองมากกว่า 250,000 คน และใน 12 เมืองมีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน
    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง ความสะอาด พบว่า ใน 60 เมือง ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจในเรื่องของความสะอาดในเมือง โดย 28 เมืองมีระดับความพึงพอใจสูงกว่า 70% เมืองที่มีคะแนนความพึงพอใจสูงสุดคือ โอเวียโด (95%) ลักเซมเบิร์ก (92%) เปียทราเนียมส์ (91%) ในขณะเดียวกัน มี 23 เมืองที่ประชากรในเมืองส่วนใหญ่ไม่พึงพอใจ โดยเมืองที่มีคะแนนไม่พึงพอใจสูงสุดคือ ปาเลโม่(89%)  มาร์กเซย์ (79%)  นาโปลี (78%)  เอเธนส์ (77%) และโรม่า (75%)   นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงในประเทศของสหภาพยุโรป 13 ประเทศ ส่วนใหญ่ไม่พึงพอใจในเรื่องความสะอาด
    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง พื้นที่สีเขียวในเมือง พบว่า ภาพรวมทั้งหมดค่อนพึงพอใจ โดยใน 61 เมือง ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจในเรื่องของพื้นที่สีเขียวในเมือง มี 45 เมืองมีระดับความพึงพอใจสูงกว่า 70% ในขณะเดียวกัน เมืองที่ประชากรในเมืองมีคะแนนความไม่พึงพอใจมากกว่า 50% มีเพียง 8 เมืองเท่านั้น เช่น เอเธนส์(77%) นโปลี (71%) ปาเลโม่ (60%)  เป็นต้น
    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง การจัดการเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเมือง พบว่า ใน 54 เมือง ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจในเรื่องของการจัดการเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเมือง โดย 8 เมือง (บ๊อคโด สทราซบูร์ ซูริค ลักเซมเบิรก์ ลีล แรน มิวนิค และแมนเชสเตอร์) มีระดับความพึงพอใจสูงกว่า 70% ในขณะเดียวกัน มี 29 เมืองที่ประชากรส่วนใหญ่ในเมืองมีไม่พึงพอใจ โดยเมืองที่มีคะแนนพึงพอใจต่ำที่สุด คือ โรม่า (28%) ปาเลโม่ ปราก(30%) และวอร์ซอ (31%)

  2. ความพึงใจของประชาชน เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว

    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง การใช้ชีวิต พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เกือบทุกเมืองมีความพึงพอใจในเรื่องการใช้ชีวิต โดยเมืองที่มีระดับความพึงพอใจสูงสุดคือ ซูริค เรคยาวิก โคเปนเฮเกน เฮลซิงกิ (97%) ในขณะนี้เมืองที่คะแนนความพึงพอใจต่ำที่สุดคือ เอเธนส์ (45%) ปริมณฑลเอเธนส์ (57%) ปูดาเปส และมิสโควก์ (61%) ทั้งนี้จำนวนประชากรในเมืองมีผลต่อความพึงพอใจ โดยเมืองที่มีประชากรเกิน 1 ล้านคนส่วนใหญ่จะมีความพึงพอใจไม่สูงมากนัก
    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง สถานที่ตนเองอาศัยอยู่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองที่สำรวจทั้งหมดพึงพอใจสถานที่ตนเองอาศัยอยู่ โดยใน 77 เมืองมีระดับคะแนนพึงพอใจเกินกว่า 80% โดยเมืองที่ระดับความพึงพอใจสูงสุด คือ เรคยาบิก (98%) ออลบอร์ เฮลซิงกิ ไลพ์ซิก มิวนิค โอเวียโด รอสต๊อก สต๊อกโฮม ซูริค (ทั้งหมด 97%)
    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง สถานการณ์การเงินในครัวเรือน พบว่า มี 19 เมืองที่มีระดับคะแนนพึงพอใจเกินกว่า 80% และมี 10 เมืองที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พึงพอใจ โดยเมืองที่มีความพึงพอใจสูงสุด คือ ออลบอก (91%) สต๊อคโฮม และลักเซมเบิรก์(90%) ซูริค และออสโล (89%) ในขณะเมืองที่มีความพึงพอใจต่ำที่สุด คือ เอเธนส์ (24%) อิราคิออน (31%) ลิสบัว (38%)  มิสโคล์ก (40%)  ปูดาเปส (42%)  และริก้า (44%)
    • ความพึงพอใจของประชาชน เรื่อง ชีวิตการทำงาน พบว่า เมืองที่มีประชาชนพึงพอใจในชีวิตการทำงานไม่น้อยกว่า 75% คือ ออสโล (81%) ซูริค (80%) แรน (78%) ปารีส (76%) ออลบอก เรคยาวิก กราซ โอวลุ สตราเบิรก์ และลีล (75%) โดยจะเห็นว่าเมืองในฝรั่งเศสมีระดับคะแนนความพึงพอใจในเรื่องนี้ค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกัน มี 7 เมืองที่ประชากรในเมืองส่วนใหญ่มีระดับคะแนนความพึงพอใจต่ำกว่า 50% เช่น เอเธนส์ (34%) วอลเลสต้า (36%) ฮีราคีออน (38%)  มิสโคล์ก (43%)  เป็นต้น ทั้งนี้ในการสำรวจที่วอลเลสต้า ประชาชน 54% ตอบว่าไม่ทราบ และมีเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่ตอบว่าไม่พึงพอใจ

  3. การจัดลำดับเรื่องที่สำคัญที่สุดในเมือง โดยมีตัวเลือกดังนี้ ความปลอดภัย, มลพิษทางอากาศ, เสียง, ขนส่งสาธารณะ ,การบริการด้านสุขภาพ, การบริการทางสังคม, การศึกษา, การไม่มีงานทำ, ที่อยู่อาศัย, โครงสร้างของถนน ผลการศึกษาพบว่า ภาพรวมของประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองที่สำรวจให้ความสำคัญ 3 อันดับแรก คือ การบริการด้านสุขภาพ การไม่มีการทำ และการศึกษา 
  • ใน 64 เมืองให้ความสำคัญกับบริการด้านสุขภาพ เป็น 1 ใน 3 เรื่องที่สำคัญที่สุด และมีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ใน 34 เมือง
  • ใน 58 เมือง ให้ความสำคัญกับการไม่มีงานทำ เป็น 1 ใน 3 เรื่องที่สำคัญที่สุด และมีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ใน 18 เมือง
  • ใน 50 เมือง ให้ความสำคัญกับการศึกษา เป็น 1 ใน 3 เรื่องที่สำคัญที่สุด และมีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ใน 14 เมือง

 

[1] ผลการศึกษา คุณภาพชีวิตในเมืองยุโรป นี้สรุปความและแปลจากเอกสาร Perception survey in 79 European cities “Quality of life in cities” สำรวจโดย TNS Political & Social ร่วมกับ the European Commission, Directorate-General for Communication

 

 

 

• AUTHOR

 


ณัฐธิดา เย็นบำรุง

นักวิจัย ประจำศูนย์ศึกษามหานครและเมือง   

ติดต่องาน : nuttida.e@gmail.com

Related Posts